งานแต่งงาน DIY ทำได้จริงหรือแค่ฝันไป ~
- Jun 21, 2017
- 2 min read
ก่อนที่จะเริ่มเล่าเรื่องทั้งหมด
ด้วยภาพถ่ายเก่า เต้ที่ทำหน้าที่เล่าเรื่องต่อจากนี้ ขอยืนยันว่าเรื่องและรูป เป็นเรื่องจริง ประสบการณ์ตรงของ เต้ สีนวลตา ล้วนๆ เต้ขออนุญาติเล่าในแบบกันเอง สบายสบาย เหมือนเพื่อนเล่าให้กันฟัง อาจมีข้อความที่เป็นความคิดเห็นแบบตรงไปตรงมาตามสไตล์เต้ผสมอยู่ ถ้าบางคนติดขัดใจ ก็ขออย่าได้ไปซีเรียสมาก ให้คิดซะว่าเป็นเรื่องเล่าสู่กันฟังละกันเนอะ ไม่งอแง ไม่ซีเรียส ไม่ดราม่า

อ่ะ! เมื่อทำความเข้าใจตรงกันแล้ว เราก็มาเริ่มกันเลยดีกว่า ว่ามัน DIY ยังไง ยากมั้ย บลา บลา บลา...
มันจะจริงหรือเปล่านะ ที่คนสองคนจะเล่าเรื่องความรัก สร้างบรรยากาศ วันพิเศษวันนึงให้เป็นที่จดจำไปแสนนานกับแขกเรื่อ และเขาทั้งสองเอง อย่าง "วันแต่งงาน"

มันเป็นไปได้จริงจริง แล้วมันก็เป็นประสบการณ์โดยตรงของ "เต้ และ โอ๊ต" เจ้าสาวเจ้าบ่าว ที่ประดิษฐ์ เรื่องเล่าความรักของเราทีละชิ้น ชิ้นต่อชิ้น มาผสม เทรวมกัน จนมันออกมาเป็น "งานแต่งงาน" บ้านบ้าน ที่เรายังอินและจำถึงขั้นตอนประดิษฐ์ประดอยที่ใช้ร่วมกันในฐานะคนรักได้จนถึงตอนนี้ แม้จะผ่านมาเป็นปีปีแล้วก็ตาม
ในฐานะของ "พื้นที่ และ เวลา" การทำงานแต่งงานทำมือแบบนี้ สร้างความยั่งยืนในพื้นที่ความทรงจำของคนผลิต อย่างเต้และโอ๊ต ได้อย่างดี และเราก็เชื่อว่า หลายคนที่ได้มาร่วมงาน ก็ยังสั่นสะเทือนกับงานบ้านบ้าน งานทำมือธรรมดาของเราอยู่
มันเริ่มต้นยังไงน่ะหรอ กับการที่คิดว่าจะลงมือทำทุกอย่างในงานแต่งงานเอง:
สำหรับเต้และโอ๊ต ผู้ที่มีประสบการณ์น้อยมากกับการไปงานแต่งงาน พอถึงวันนึงที่คิดว่าจะแต่งงาน
ก็เริ่มกลับไปหวนระลึกถึง "ความทรงจำงานแต่งงานในแบบที่เรารู้จัก" แล้วผลจากการขุดคุ้ยภาพทรงจำนั้นมันก็ดันทำให้เรารู้สึก "ว่างเปล่า" เราจำอะไรแทบไม่ได้เลย ว่าในงานแต่งงานมีดีเทลอะไร มีอะไรวางตั้ง มันเหมือนภาพสัญญะที่แค่มีคนสองคน ใส่ชุด ที่ถูกกำหนดให้จำ ว่านี่ละ เจ้าสาว เจ้าบ่าว มีสองคนนี้ มีอาหารเลี้ยง นี่ละงานแต่งงาน ที่เหลือ "ว่างเปล่า"
แต่ในการล่องไปในความทรงจำที่มีต่องานแต่งงานมันดันมีเรื่องเก่าที่ลึกมากๆ ที่เต้ยังจำติดตาได้อยู่คือ มันมีงานแต่งงานนึง ที่เต้เคยเห็นเจ้าสาวนั่งประดิษฐ์ของชำร่วย ด้วยมือเธอเองทุกชิ้น ตอนนั้นเต้น่าจะอยู่ชั้นประถมต้นเองมั้ง แต่เพราะของชิ้นนั้นมันแปลกไป ในยุคนึงที่คนรักแจกช้อนทองคู่ แจกของซื้อที่ผลิตซ้ำไม่รู้กี่ชิ้นเกลื่อนตา
นั่นเลยเป็น บทเกริ่นนำ ของชำร่วยทำมือชิ้นแรก ที่เต้รู้จัก เต้จำแม่นเพราะไปช่วย คุณป้าที่เป็นเจ้าสาว เก็บนุ่นที่ต้นนุ่น มายัดใส่หมอน น่ารักๆ หลากสีพาสเทลที่เธอเย็บขึ้นมาเอง เต้เองที่เป็นเด็กไม่ประสาอะไรกับเรื่องรักๆ เรื่องแต่งงาน เต้เองยังรู้สึกถึงความรักในงานทำมือชิ้นเหล่านั้นได้เลย รู้สึกอยากได้ไปซะทุกสี ทุกแบบ มันช่างน่ารักสมเป็นของที่ระลึกถึงความรัก ของคู่รักคู่นึง

เล่ามายาวเลย แต่นั่นละ ภาพงานทำมือของของชำร่วยข้างต้นนั้นมันชัดสุดเลย
งั้นพอเราพูดถึงงานแต่งงาน พอคิดได้แบบนั้น เต้ก็ชวนโอ๊ต ว่าเรามาใช้เวลา 1 ปี วางแผนประดิษฐ์งานแต่งงานทำมือด้วยกันนะ มันต้องสนุกและสวยแน่แน่ 555 กลายเป็นว่าโอ๊ตก็สนุกตื่นเต้นไปด้วยอีก

เราวางแผนกัน โดย "ไล่ลิสต์สิ่งที่ต้องทำ" และ "อะไร" ที่ต้องมีในงานแต่งงานของเรา เรามักจะใช้ไออะไรที่ว่า เป็นหัวข้อสนทนามื้อเย็นของเราในปีที่เตรียมงาน ระดมสมอง เสร็จแล้วก็มาตบ มากระชับ สรุปมันและจัดการจัดหาให้มันมีได้จริง

ยกตัวอย่างว่าเราคุยเรื่อง "อะไร" บ้างอ่ะนะ:
ก็อย่างเช่น ธีมงาน เราก็คุยกันว่า เราเป็นคนที่มีคาแรคเตอร์แบบไหน อะไรที่เป็นเรา เราชอบสีอะไร เต้เองก็เป็นคนที่ชอบความดิบๆ ความง่ายสบายๆแบบธรรมชาติ ชอบฟังเพลงป๊อปร็อค ชอบสีม่วงสีน้ำตาลมากๆ ชอบพวกงานประดิษฐ์เห็นอะไรที่เป็นผ้ากระสอบ ตระกร้าสานๆ งานหวาย รองเท้าปักๆ นี่ชอบมาก เออก็เลยนึกถาพของประดิษฐ์ได้ล่ะว่าจะประดิษฐ์จะวางอะไร ทีนี่ก็มานึกถึงโอ๊ต เต้ก็รู้เลยว่าโอ๊ตชอบดอกไม้สีชมพูมาก ชอบแสงวิบวับ สีอุ่นๆ ชอบอะไรสบายตา ชอบแสงธรรมชาติ
เพื่อให้ธีมมันชัดและเป็นเรามากขึ้นอีก เต้กับโอ๊ตอยากจะโอบล้อมบรรยากาศความรักที่เรามีต่อกันและกันให้ผู้ที่มาได้เข้าใจ และรู้สึกไปถึงความสวยงามของมันได้มากและอินที่สุด เต้ก็เลยพยายามดึงความชอบ เรื่องที่ทำให้เราพบกัน เรื่องที่ทำให้เราสองคนยังมีจุดยืนคล้ายกัน สิ่งที่เรามองเห็นในคนรักของเรา


เสียงเพลง คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราได้รู้จักกัน
เพลงจึงเป็นอีกคีย์เวิร์ดนึงที่เราเอามาใส่ในธีมงานวันนั้น เต้ผู้ที่หลงรักในการอุปลักษณ์ อุปมา ลองนึกถึง ความรักที่โอ๊ตมีต่อกัน เทียบกับเพลงที่ชอบ
เต้ได้บรรยากาศของเพลงรัก ที่เต้นึกถึงโอ๊ต และโอ๊ตนึกถึงเต้ จนได้ภาพคืนที่มีแสงวิบวับ ความรักในชีวิตที่มืดมิดของเราแต่สว่างสดใสสวยงาม เพราะเราคือแสงสว่างที่ไม่ได้เจิดจรัสมาก แต่ก็สว่างพอให้ชีวิตก้าวผ่านไปอย่างสวยงาม


เราก็เลยได้จุดร่วมว่าเออ เราให้ธีมงานเป็นสีอุ่นๆ สีน้ำตาลกับไฟวิบวับเป็นหลักละกันเนอะ เต้บอกโอ๊ตว่า แล้วเราจะเติมความหวานไปที่แขกที่มาในงาน ให้แขกผู้หญิงใส่มงกุฎดอกไม้มาสีสันน่ารัก ตัดกับชุดสีขาว ให้แขกถมงานด้วยธีมชุดสีขาว รับไฟวิบวับและดอกไม้น้อยบนศีรษะเป็นเครื่องประดับ






เมื่อได้คีย์เวิร์ด ได้บรรยากาศของอารมณ์รัก
เราก็เริ่มผสมทุกอย่าง ออกแบบ และผลิตออกมาเป็นงานตั้งวาง



แสงไฟ ดอกไม้ บทเพลง งานประดิษฐ์ชิ้นเล็กชิ้นน้อย ชุดยันรองเท้า และลำดับงาน
ต้องเป็นในแบบที่เป็นเรา ไม่ใช่คนอื่น และไม่ใช่ในแบบที่ใครก็ไม่รู้บอกว่า ขนบเค้าว่ากันมาแบบนี้ งั้นเค้กแต่งงานเป็นอีกเรื่องตัวอย่างที่เต้หงุดหงิดที่สุด! กับการไปงานแต่งงาน ที่ไม่เคยเข้าใจเลยว่า จะมาตัดเค้กปลอมโชว์ทำไม จะมาสโลว์ทำท่าตัดเค้กปลอมเพื่ออะไร ในเมื่อแขกที่ไปเค้าก็ไม่ได้อะไรจากเค้กโฟมเก่าฝุ่นเกาะพวกนั้นเลย (ถ้าไฟไม่มืด รับรองฝุ่นเกาะ เค้กในตำนาน ตัดมาแล้วนักต่อนัก)
เต้กับโอ๊ตเลยประชุมกันอย่างจริงจัง หาที่มาที่ไป ว่าทำไมแต่งงานต้องมีเค้ก การมีอยู่ อย่างมีเหตุมีผล ก็เลยได้เรื่องจริงๆ แล้วมันก็เข้าท่ามากๆ
เต้เลยตัดสินใจว่า เค้กจะต้องเป็นขนมที่มีในงานของเรา แล้วมันจะต้องกินได้ ทั้งก้อน และต้องน่ารัก 555

เพื่อนๆเห็นภาพ ก็คงพอทราบว่าเค้กเราหอมน่ากินขนาดไหน ถึงกับตบตีแย่งกันระหว่างบ่าวสาวเลยทีเดียว ฮาาาาา

ภาพของพื้นที่งานแต่งงาน มันอาจไม่ได้สมบรูณ์แบบ ซึ่งแต่สำหรับเราที่ได้ประดิษฐ์อย่างเต็มที่ที่สุดก็ถือว่า มีความสุขมากๆ แต่เอาเป็นว่าที่เต้เล่ามา ก็แค่อยากบอกเพื่อนๆที่ฝันอยากมีงานแต่งงานที่จัดเอง เป็นของตัวเองจริงๆ ว่าสามารถทำได้ ประดิษฐ์ได้
งานแต่งงาน ไม่ใช่ข้อสอบคณิตศาสตร์ ที่มีผลลัพท์ตายตัว มันไม่ใช่เรื่องของศาสนา พิธีกรรมหรือกฎหมาย ที่แบบว่ามีกฎข้อห้ามที่ส่งผลต่อระดับสังคม หรือว่าถ้าเราตัดอะไรออกไปเราจะบาปตกนรกอะไรแบบนั้น
งานแต่งงาน มันเป็นงานเลี้ยงเฉลิมฉลองความรักของคุณกับผู้คนที่คุณรัก ดังนั้นเลือกทำมันในแบบที่รักและคุณพอใจ และที่สำคัญคนรอบข้างอย่างพ่อแม่ของคุณพอใจด้วยก็จะดีมาก มันจะราบรื่น แล้วเป็นอะไรๆ ที่ดี และลงตัวสุดๆ คุยกันให้เยอะขึ้น ให้เวลาร่วมกันคิด แล้วผลิตออกมา ทุกคนแฮปปี้ แล้วมามีงานแต่งงานสุดยูนีคด้วยกันนะคะ

---
สำหรับใครที่อยากทำงานแต่งงาน DIY แบบเต้หวังว่าบทความนี้จะเป็นแรงบันดาลใจได้ดีสำหรับคุณนะคะ แต่ถ้าสำหรับใครที่ไม่รู้จะเริ่มต้นแล้วสรุปจบเป็นงานจริงๆได้ยังไง ก็สามารถมาฟังแบบลงลึกอินดีเทลกับเต้ได้เลยเพราะเต้กำลังจะมีเปิด workshop แบบที่ลงดีเทล ตั้งแต่จุดเริ่มต้นแบบครบทุกองค์ประกอบในวันที่ 16 กรกฎาคมนี้ ช่วงเช้าถึงเที่ยง ที่ 10ml วิภาวดี 16/6
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถอินบล็อคสำรองที่นั่งได้ที่ http://m.me/10mlcafegallery
หรือโทรสอบถามเต้โดยตรงเลยก็ได้ที่เบอร์ 063-426-2264 ค่าเวิร์คช๊อปท่านละ 890 บาทเท่านั้นค่ะ แล้วยังไงพบกันนะคะ
Comentarios